HostSearch.co.th > Web Hosting Articles

อยากเป็น Reseller บ้าง ต้องทำยังไง เลือกยังไงดี


หลายคนมองเห็นช่องทางในธุรกิจเว็บโฮสติ้ง ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมเมอร์ เว็บดีไซน์เนอร์ ผู้ที่รับจ้างทำเว็บไซต์ หรือแม้แต่คนทั่วไป แต่หากจะลงทุนในครั้งแรกด้วยเงินจำนวนมาก ด้วยการซื้อเครื่องเซิร์ฟเวอร์ ซอร์ฟแวร์ ค่าบริการในการตั้งเครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่ Internet Data Center ค่าจ้างพนักงานเพื่อรับมือลูกค้า และแก้ไขปัญหาการใช้งาน รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกมากมาย ก็คงไม่ไหว หลายคนจึงมองหาวิธีการเริ่มต้นธุรกิจเล็กๆ โดยที่ลงทุนน้อยๆ ก่อน และสำหรับบริการเว็บโฮสติ้งก็คือการเป็น Reseller หรือเรียกตามชื่อบริการว่า Reseller Hosting ซึ่งบริการนี้จะทำให้เราเริ่มต้นทำธุรกิจเว็บโฮสติ้งได้ด้วยเงินลงทุนที่น้อย อีกทั้งยังไม่ต้องดูแลระบบทั้งระบบด้วยตนเอง หน้าที่หลักมีเพียงหาลูกค้า และจัดสรร บริหารจัดการพื้นที่เว็บโฮสติ้งที่ซื้อบริการมา เพื่อแบ่งให้กับลูกค้า ทำให้เกิดความคุ้มค่า และกำไรสูงสุด

Reseller ถูกแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะคือ

1. Reseller แบบที่ต้องซื้อบริการเว็บโฮสติ้งจากผู้ให้บริการมา เพื่อแบ่งขายต่อให้กับลูกค้าแบบนี้เป็นแบบที่ได้รับความนิยม เนื่องจากสามารถทำกำไรได้มากกว่า เพราะสามารถตั้งราคาเองได้ จัดสรรพื้นที่เอง แต่มีข้อเสียตรงที่จะต้องแบกภาระต้นทุนทันทีที่เปิดใช้บริการ เนื่องจากจะต้องเสียค่าบริการให้แก่ผู้ให้บริการล่วงหน้า ฉะนั้นหากไม่มีลูกค้า หรือยังมีลูกค้าน้อยก็ทำให้ต้องแบกรับภาระส่วนนี้ทันที และอีกข้อเสียหนึ่งของ Reseller ลักษณะนี้คือต้องรับหน้าลูกค้าก่อนเมื่อเกิดปัญหา แม้ว่าเราจะแก้ไขปัญหาได้หรือไม่ได้ก็ตาม เนื่องจากตอนเราบอกลูกค้า หรือให้บริการแก่ลูกค้า เราให้บริการในฐานะที่เราเป็นเจ้าของบริการเอง ดังนั้นหากมีปัญหาเกิดขึ้นก็ต้องรับปัญหาจากลูกค้า และส่งต่อให้ผู้ให้บริการที่เราใช้งานอยู่แก้ไขให้ต่อไป ซึ่งตรงนี้หากผู้ให้บริการทำงานล่าช้า หรือแก้ไขไม่ได้ เราก็อาจจะโดนลูกค้าตำหนิได้

2. Reseller แบบกินเปอร์เซ็นจากผู้ให้บริการ (Reseller ในลักษณะนี้บางครั้งอาจเรียกว่าระบบ Affiliate program) โดยเรามีหน้าที่หาลูกค้ามาซื้อบริการเว็บโฮสติ้งจากผู้ให้บริการ แล้วผู้ให้บริการจะให้ค่าตอบแทนเรามาเป็นเปอร์เซ็น หรือจำนวนเงินที่มีการตกลงกันไว้ Reseller ในลักษณะนี้มีข้อดีคือไม่ต้องแบกรับต้นทุนใดๆ ไม่มีค่าใช้จ่ายที่จะต้องเสียให้แก่ผู้ให้บริการ และไม่ต้องรับหน้าลูกค้าโดยตรง เนื่องจากลูกค้าจะรู้ว่าเขาใช้บริการอยู่กับผู้ให้บริการใด เราสามารถบอกให้ลูกค้าติดต่อผู้ให้บริการได้โดยตรงหากเกิดปัญหาใดๆ ส่วนข้อเสียคือเราจะได้รายได้น้อยกว่าแบบแรก เพราะเรากำหนดราคาเองไม่ได้ จะได้เพียงค่าตอบแทนตามที่ตกลงกันไว้กับผู้ให้บริการเท่านั้น

สำหรับบทความนี้ขอพูดถึงเฉพาะในแบบแรกคือ Reseller Hosting แบบที่เราซื้อบริการมาจากผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้ง แล้วมาจัดสรรพื้นที่แบ่งขายให้กับลูกค้าเราอีกทอดหนึ่ง เพราะอีกแบบมักจะถูกเรียกว่า Affiliate program มากกว่า

ต่อมาเมื่อคิดจะทำธุระกิจนี้เราก็ต้องมาคิดว่าจะเริ่มต้นยังไง เลือกยังไงดี จุดเริ่มต้นอยากให้มองหาลูกค้า หรือกลุ่มลูกค้าของเราก่อน สำหรับกลุ่มคนที่ทำเว็บ ให้กับลูกค้าอยู่แล้ว และต้องการเป็น Reseller Hosting เพื่อรองรับการทำงานส่วนนั้น คงไม่มีปัญหาอะไร เพราะลูกค้าที่มาทำเว็บ กับเรา เราก็สามารถเสนอบริการเว็บโฮสติ้งของเราให้เขาได้เลย ทำให้มีฐานลูกค้ารองรับอยู่แล้ว แต่สำหรับผู้ที่ต้องการทำธุรกิจเว็บโฮสติ้งเพียงอย่างเดียว อยากให้หาลูกค้าที่จะมาใช้บริการกับเราก่อนอย่างน้อยๆ สัก 2-3 ราย เพื่อนำรายได้ในส่วนนี้มาเป็นค่าบริการที่เราต้องนำไปจ่ายให้กับผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้งที่เราซื้อบริการ Reseller Hosting มาเพราะบริการ Reseller Hosting นั้นเราจำเป็นต้องจ่ายเงินให้กับผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้งก่อน ไม่ว่าเราจะมีลูกค้า หรือจะใช้บริการในพื้นที่นั้นๆ หรือไม่ ฉะนั้นหากเราไม่มีฐานลูกค้าอยู่ เท่ากับว่าเราจะต้องจ่ายค่าบริการ โดยไม่มีรายได้เข้ามาชดเชย อาจทำให้เกิดภาวะขาดทุนได้

สำหรับวิธีการเลือกผู้ให้บริการสิ่งที่ควรคำนึงถึงมีดังนี้

1. เลือกผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้งของไทย หรือต่างประเทศดี กรณีนี้เราควรดูจากกลุ่มลูกค้าหลักของเราว่าต้องการฝากเว็บไซต์ไว้ในไทย หรือต่างประเทศ โดยสิ่งที่สำคัญที่สุดคือผู้เข้าชมเว็บไซต์ส่วนใหญ่อยู่ในต่างประเทศ หรือประเทศไทย หากอยู่ในไทยก็ให้เลือกผู้ให้บริการในไทยเป็นหลัก สำหรับผู้ให้บริการในไทย กับต่างประเทศ ก็จะมีข้อดี ข้อเสียแตกต่างกันไป ในกรณีผู้ให้บริการในไทยมีข้อดีก็คือพูดจาภาษาเดียวกัน หากเกิดปัญหา แล้วเราต้องติดต่อข้อความช่วยเหลือจะทำได้ง่าย และรวดเร็วกว่า แต่ข้อเสียคือมีค่าบริการที่แพงกว่าผู้ให้บริการในต่างประเทศ

2. เลือกผู้ให้บริการที่มีความน่าเชื่อถือ เพราะเราเหมือนกับต้องฝากชีวิตไว้กับผู้ให้บริการ เนื่องจากหากบริการมีปัญหา ลูกค้าก็จะมาต่อว่าเราได้ หรือหากร้ายแรงกว่านั้นผู้ให้บริการเกิดปัญหา อาจจะปิดเซิร์ฟเวอร์ หรือปิดบริษัทฯหนี ทำให้เราเกิดความเสียหายได้ โดยวิธีการดูอาจจะดูได้จากลูกค้าปัจจุบันของผู้ให้บริการ ว่ามีลูกค้าที่เป็นองค์กรใหญ่ๆ หรือมีบริษัทที่มีชื่อเสียงหรือไม่ เพราะหากองค์กร หรือบริษัทฯ ใหญ่ๆ มีชื่อเสียง ไว้วางใจใช้บริการ เราก็น่าจะไว้วางใจผู้ให้บริการนั้นๆ ได้เช่นกัน

3. เลือกผู้ให้บริการที่มีทีมงานแก้ไขปัญหา (Technical support) ที่ดี และติดต่อได้ตลอด 24 ชม. เพราะเราเป็น Reseller เราไม่สามารถแก้ไขปัญหาทั้งหมดเองได้ คงต้องพึ่งพาผู้ให้บริการ ที่เราใช้งานอยู่ หากมีทีมงานไม่เก่ง แก้ไขปัญหาไม่ได้ และที่สำคัญคือเราต้องสามารถติดต่อในกรณีฉุกเฉินได้ตลอด 24 ชม. เพราะเราไม่รู้ว่าปัญหาจะเกิดขึ้นเมื่อใด แล้วลูกค้าของเราจะติดต่อเข้ามาเมื่อไหร่ ดังนั้นเราจะต้องติดต่อผู้ให้บริการได้ตลอด 24 ชม. เพื่อแจ้งปัญหา และติดต่อประสานงานได้ เพราะถ้าเราติดต่อเพื่อแจ้งปัญหา หรือประสานงานไม่ได้ เราก็จะไม่สามารถตอบคำถามแก่ลูกค้าของเราได้

4. เลือกดูที่ราคาสมเหตุ สมผล ที่ไม่ได้บอกให้เลือกที่ราคาถูกเพียงอย่างเดียวเพราะว่า บริการในส่วนนี้เราไม่ได้ใช้งานเองโดยตรง แต่เป็นการซื้อมาเพื่อให้ลูกค้าเราใช้ต่อ ฉะนั้นหากมีราคาที่สูงสักหน่อย แต่เพื่อแลกกับบริการที่ดี ประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่ให้บริการที่ดี ก็ถือว่าคุ้มค่า สมเหตุ สมผล เพราะหากเราเลือกผู้ให้บริการที่มีราคาถูกเกินไป อาจจะให้บริการได้ไม่ดี หรือให้บริการเราด้วยอุปกรณ์ เครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่ไม่มีประสิทธิภาพ คิดเสียว่าหากผู้ให้บริการคิดค่าบริการถูก เขาคงไม่สามารถลงทุนกับเครื่องเซิร์ฟเวอร์ อุปกรณ์ รวมถึงการให้บริการที่ดีได้

นอกเหนือจากคำแนะนำข้างต้นนี้ ผู้ที่จะเป็น Reseller จะต้องมีความอดทนต่อการต่อว่า คำตำหนิ จากลูกค้าได้เป็นอย่างดี เพราะเมื่อเว็บไซต์ลูกค้ามีปัญหาเข้าใช้งานไม่ได้คนแรกที่ลูกค้าจะคิดถึงก็คือผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้ง ซึ่งในกรณีที่เราเป็น Reseller Hosting ลูกค้าก็จะติดต่อมาที่เรา และอาจจะต่อว่าเรา ซึ่งหากเป็นปัญหาที่เราไม่สามารถแก้ไขได้ เราก็ต้องรับฟังเพียงอย่างเดียว และรีบแจ้งไปยังผู้ให้บริการเพื่อให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาให้โดยด่วน ฉะนั้นหากเราไม่สามารถรองรับอารมณ์ หรือคำตำหนิ ต่อว่า จากลูกค้าได้ก็อาจทำให้เราไม่อยากที่จะทำธุระกิจนี้เลยก็ได้

เขียนโดย ดารากร จิรันดร
Latest Comments

(January 14, 2024)
 
(January 13, 2024)
 

แสดงความคิดเห็น

Connect with  or 

ชื่อ:
อีเมล์:
ข้อความ:

พูดคุยเรื่องเว็บโฮสติ้ง
  ใครเคยใช้บริการของ HostingInter บ้างมั๊ยค่ะ
 
โพสต์ล่าสุดเมื่อ 30.12.2023
 
  แนะนำ host หน่อยครับ
 
โพสต์ล่าสุดเมื่อ 28.03.2023
 
  การตั้งค่า firewall ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง
 
โพสต์ล่าสุดเมื่อ 05.02.2023
 
  CDN คืออะไร? CDN มีประโยชน์กับเว็บไซต์ของเรายังไง?
 
โพสต์ล่าสุดเมื่อ 04.11.2022
 
  ส่วนประกอบของ Server มีอะไีรบ้าง?
 
โพสต์ล่าสุดเมื่อ 04.11.2022
 
ดูกระทู้เว็บโฮสติ้งทั้งหมด
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับเว็บโฮสติ้ง
  Auth Code หรือ EPP Code คืออะไร สำคัญยังไงในการย้าย Domain
 
โพสเมื่อ 06.06.2023
 
  คลาวด์เว็บโฮสติ้ง (Cloud Web Hosting) คืออะไร อธิบายให้ฟังอย่างง่ายๆ
 
โพสเมื่อ 07.04.2023
 
  คำถามคาใจเกี่ยวกับบริการเว็บโฮสติ้งแบบ “Free Web Hosting”
 
โพสเมื่อ 02.01.2014
 
  อยากเป็น Reseller บ้าง ต้องทำยังไง เลือกยังไงดี
 
โพสเมื่อ 15.12.2012
 
  สิ่งที่ต้องทำเบื้องต้นเมื่อเว็บดาวน์
 
โพสเมื่อ 15.12.2012
 
ดูเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับเว็บโฮสติ้งทั้งหมด
มองหาโฮสต่างประเทศ?
ค้นหาโฮสต์ต่างประเทศทั่วโลกที่
HostSearch.com
ค้นหาโฮสต์ในอังกฤษที่
FindUKHosting.com
Follow us on